MENU

‘แม็ตต์ เดียตเก’ นักวิจัย AI อัจฉริยะวัย 24 ที่เขย่าวงการเทคโนโลยีด้วยค่าตัว 8,700 ล้านบาท

 8 ส.ค. 2568 00:00

ในโลกของเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและ AI ที่ก้าวไปอย่างรวดเร็ว ชื่อของ แม็ตต์ เดียตเก (Matt Deitke) กลายเป็นที่กล่าวถึงอย่างกว้างขวางและน่าจับตาที่สุดคนหนึ่งในปัจจุบัน หนุ่มอัจฉริยะวัย 24 ปีผู้นี้ไม่ได้เป็นที่รู้จักจากแค่ผลงานทางวิชาการที่โดดเด่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการตัดสินใจที่กล้าหาญในการปฏิเสธข้อเสนอจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Meta จนกระทั่งมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ต้องยื่นข้อเสนอใหม่ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึง "สงครามแย่งชิงบุคลากร" ในวงการ AI ที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ


จากนักศึกษาปริญญาเอกสู่การเป็นดาวเด่นแห่งวงการ AI


เส้นทางอาชีพของ แม็ตต์ เดียตเก นั้นแตกต่างจากนักวิจัยทั่วไป เขาเริ่มต้นเส้นทางในฐานะนักศึกษาปริญญาเอกสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน (University of Washington) แต่ด้วยความเข้าใจในทิศทางของอุตสาหกรรมที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เขาตัดสินใจลาออกจากการศึกษาเพื่อมุ่งเน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรม AI ที่ใช้งานได้จริงในโลกธุรกิจ


การตัดสินใจครั้งนี้พาเขาไปสู่สถาบัน Allen Institute for Artificial Intelligence (AI) ในเมืองซีแอตเทิล ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยที่มีชื่อเสียงระดับโลก ที่นั่นเขาได้แสดงความสามารถอันน่าทึ่งโดยการเป็นผู้นำทีมพัฒนา "Molmo" ซึ่งเป็น Chatbot แบบมัลติโมดอล (multimodal) ที่สามารถประมวลผลได้ทั้งข้อความ, ภาพ, และเสียง ซึ่งแตกต่างจาก AI ทั่วไปที่เน้นการประมวลผลข้อความเพียงอย่างเดียว


ความสามารถของMolmo ในการให้เหตุผลเชิงพื้นที่และทำความเข้าใจบริบทจากข้อมูลหลายรูปแบบ ทำให้มันก้าวข้ามขีดจำกัดของโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Models) ทั่วไป และผลงานของเขาก็ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยได้รับรางวัล Outstanding Paper Award ในงานประชุม NeurIPS ปี 2022 ซึ่งเป็นหนึ่งในงานประชุมด้าน AI ที่ทรงเกียรติที่สุดในโลก การได้รับรางวัลนี้ถือเป็นเครื่องหมายการันตีถึงความสามารถที่โดดเด่นและสร้างชื่อให้ เดียตเก กลายเป็นบุคคลสำคัญในแวดวง AI อย่างแท้จริง


การก่อตั้ง Vercept และการตัดสินใจอันน่าทึ่ง


แม้จะประสบความสำเร็จอย่างสูงในฐานะนักวิจัย แต่ เดียตเก ก็ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น ในปี2023 เขาได้ร่วมก่อตั้งสตาร์ทอัพของตัวเองชื่อ "Vercept" โดยมีเป้าหมายที่ทะเยอทะยานในการสร้าง AI Agents ที่สามารถปฏิบัติภารกิจต่างๆ ได้อย่างอิสระโดยไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งจากมนุษย์ ซึ่งแนวคิดนี้ถือเป็นจุดสูงสุดของการพัฒนา AI ที่มุ่งหวังให้ระบบสามารถคิดและตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง และแม้จะมีทีมงานเพียง 10 คน แต่ Vercept ก็สามารถระดมทุนในรอบแรกได้ถึง 16.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนักลงทุนชื่อดังอย่าง Eric Schmidt อดีต CEO ของ Google แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลและความสามารถในการนำเสนอของ เดียตเก

สงครามแย่งชิงบุคลากรและบทบาทของมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก


ด้วยความสามารถที่โดดเด่นของ แม็ตต์ เดียตเก ทำให้เขาเป็นที่ต้องการตัวอย่างยิ่งในหมู่บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ จนกระทั่ง Meta ได้ยื่นข้อเสนอมูลค่าสูงถึง 125 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อดึงตัวเขาไปร่วมงานใน Superintelligence Lab แต่สิ่งที่สร้างความประหลาดใจไปทั่ววงการคือ เดียตเก ได้ปฏิเสธข้อเสนอแรกนี้ เพื่อมุ่งมั่นกับการพัฒนาสตาร์ทอัพของตัวเอง การปฏิเสธครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเองและ Vercept ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำได้ง่ายๆ


การปฏิเสธของ เดียตเก ทำให้ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ต้องยื่นมือเข้ามาเจรจาด้วยตัวเอง และหลังจากที่ได้พูดคุยกับ เดียตเก ซักเคอร์เบิร์กได้กลับมาพร้อมกับข้อเสนอใหม่ที่สูงขึ้นอย่างน่าตกใจ นั่นคือค่าตอบแทนมูลค่ารวม 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นระยะเวลา 4 ปี ซึ่งรวมถึงเงินสดและหุ้น และอาจมีรายได้สูงถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีแรกเพียงปีเดียว ซึ่งตัวเลขนี้เป็นหนึ่งในค่าตอบแทนที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาสำหรับนักวิจัยด้าน AI และเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงมูลค่าของ "บุคลากรอัจฉริยะ" ที่บริษัทเทคโนโลยีพร้อมทุ่มเงินมหาศาลเพื่อช่วงชิง


สุดท้ายแล้ว แม็ตต์ เดียตเก ก็ตัดสินใจยอมรับข้อเสนอที่สองจากMeta โดยการตัดสินใจครั้งนี้ได้รับการปรึกษาหารือกับเพื่อนร่วมงานและผู้เชี่ยวชาญในวงการ ซึ่งส่วนใหญ่ต่างก็แนะนำให้เขารับข้อเสนอนี้ การเข้าร่วมงานกับMeta ของเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่การได้บุคลากรชั้นนำของบริษัทเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณว่า Meta กำลังเดินหน้าอย่างเต็มที่เพื่อเป็นผู้นำในสงคราม AI


สำหรับการซื้อตัวของ แม็ตต์ เดียตเก ในมูลค่าสูงถึง 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 8.7 พันล้านบาท) นั้น ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากสำหรับนักวิจัยเพียงคนเดียว ประเด็นนี้ทำให้เราเห็นว่าบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่างMeta นั้นพร้อมที่จะทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อดึงตัวคนเก่งเข้ามาเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันด้าน AI ที่กำลังขับเคี่ยวอย่างดุเดือด


สรุปแล้ว แม็ตต์ เดียตเก คือนักวิจัยและผู้ประกอบการด้าน AI วัย 24 ปี ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกจากผลงานการพัฒนาAI แบบมัลติโมดอลที่ AI และการก่อตั้งสตาร์ทอัพ Vercept ซึ่งมุ่งเน้น AI Agents ที่ทำงานได้อย่างอิสระ ความอัจฉริยะของเขาไม่ได้อยู่แค่ในงานวิจัย แต่ยังรวมถึงวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลในโลกธุรกิจ AI และประเด็นการถูกซื้อตัวด้วยมูลค่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก นั้นได้กลายเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงมูลค่าของบุคลากรในยุคของ AI อย่างแท้จริง