MENU

บ้านปู รุกธุรกิจ CCUS ผลักดันการลดคาร์บอนเต็มสูบ ปูทางอนาคตพลังงานที่ยั่งยืน

 25 มิ.ย. 2568 00:00

บมจ.บ้านปู (BANPU) มั่นใจการลงทุนธุรกิจ CCUS ในสหรัฐฯ เป็นตลาดยุทธศาสตร์สำคัญด้วยการดำเนินงานที่ครอบคลุมธุรกิจก๊าซธรรมชาติตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ มุ่งตอบโจทย์ความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ควบคู่กับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก


นายสินนท์ ว่องกุศลกิจประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU กล่าวว่า ด้วย DNA ของบ้านปูที่เป็นผู้บุกเบิก (Pioneer) และกลยุทธ์ Energy Symphonics ของเราที่มาจากการตีโจทย์ความต้องการพลังงานของโลกว่าต้องมีสมดุลของทั้งความเสถียร เข้าถึงได้ และเป็นมิตรกับโลก บ้านปูจึงแสวงหาโซลูชันพลังงานที่ตอบโจทย์ดังกล่าว จนเป็นบริษัทไทยรายแรกที่บุกเบิกธุรกิจ CCUS ในสหรัฐอเมริกา ผ่านการดำเนินงานของ BKV Corporation หรือ BKV บริษัทย่อยซึ่งมีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติ


สำหรับธุรกิจ CCUS (Carbon Capture, Utilization, and Sequestration) คือเทคโนโลยีการดักจับ ใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากแหล่งกำเนิดในภาคอุตสาหกรรม โดยไม่ปล่อย CO2 กลับสู่ชั้นบรรยากาศ


โดยนับตั้งแต่ปี 2022 ที่เราเริ่มลงทุนในโครงการ CCUS ปัจจุบัน พอร์ต CCUS ในสหรัฐฯ เติบโตต่อเนื่องถึง 3 โครงการ โดยมีบาร์เนตต์ ซีโร่ (Barnett Zero) ที่ดำเนินการเชิงพานิชย์และรับรู้รายได้แล้ว รวมถึงโครงการคอตตอน โคฟ (Cotton Cove) และ อีเกิล ฟอร์ด (Eagle Ford) ที่จะเริ่มดำเนินการภายในปี 2026


"เรามองว่า CCUS จะเป็นธุรกิจสำคัญที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอุตสาหกรรมพลังงานอย่างก๊าซธรรมชาติ การผลิตไฟฟ้า และอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยบ้านปูตั้งเป้าไว้ว่าภายในปี2030 จะต้องกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์จากธุรกิจ CCUS ให้ได้ 16 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี"


ความคืบหน้าที่โดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา คือการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเชิงกลยุทธ์ (JV) ร่วมกันระหว่าง BKV dCarbon Ventures ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BKV และกองทุน CI Energy Transition Fund ภายใต้การบริหารของ Copenhagen Infrastructure Partners (CIP) ผู้นำด้านการลงทุนสาธารณูปโภคด้านพลังงานระดับโลกจากเดนมาร์ก เพื่อการออกแบบ พัฒนา และดำเนินธุรกิจ CCUS ในสหรัฐฯ


“การขยายพอร์ตธุรกิจ CCUS อย่างต่อเนื่องในสหรัฐฯ ด้วยความร่วมมือกับบริษัทใหญ่จากยุโรปเช่นในครั้งนี้ รวมถึงนโยบายและกฎระเบียบที่เอื้อจากภาครัฐ จะเป็นแรงผลักสำคัญที่สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้ธุรกิจ CCUS สะท้อนถึงความพร้อมของกลุ่มบ้านปูในการตอบสนองด้านความต้องการพลังงาน และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นตัวกำหนดทิศทางด้านพลังงานในอนาคต" นายสินนท์ กล่าว